รู้ไหม? ลูกคาดหวังอะไรจากแม่

แม่มือใหม่สมัยนี้ มีข้อมูลให้อ่านให้เรียนรู้ได้ง่ายและเยอะมาก รวมทั้งยังมีคำแนะนำ การให้ความรู้ทางวิชาการต่างๆ มากมาย ซึ่งเป็นเรื่องดีที่แม่จะเตรียมพร้อมในทุกเรื่องเพื่อรับมือชีวิตใหม่ที่กำลังจะเกิดมา

 

ในทางกลับกัน เมื่อแม่มีความรู้มาๆ บางครั้งก็กลับละเลยที่จะนึกถึงธรรมชาติของลูก และยังทำให้เกิดการคาดหวังว่าจะเลี้ยงลูกตามวิธีที่ได้เรียนรู้กันมาด้วย แต่ “ความคาดหวัง” ของลูกนั้น จะว่าไปก็ไม่ใช่อะไรที่ได้มาจากการเรียนรู้ เพราะมันเกิดขึ้นจากสัญชาตญาณธรรมชาติที่ยังคงเหมือนเดิมไม่แตกต่างอะไรไปจากเมื่อหลายพันปีก่อน 

 

ทารกไม่ได้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อย่างที่เราเข้าใจ พวกเขามีทักษะชั้นสูงติดตัวมาเพียงพอสำหรับโลกที่เขา “คาดว่า” จะเจอเมื่อถือกำเนิด เพราะฉะนั้นเมื่อเราไปเปลี่ยนแปลงอะไรในโลกใบนั้น ก็คือการไปทำให้ชีวิตของทารกยากลำบากมากขึ้นนั่นเอง และถ้าแม่ได้รู้ว่าลูก “คาดหวัง” อะไรในช่วงเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว ก็จะช่วยให้อะไรๆ ง่ายขึ้นได้เยอะเลยทีเดียว

 

ช่วงคลอด ลูกคาดหวังว่าร่างกายของเขาจะไม่ต้องประสบปัญหาจากยาต่างๆ ที่ได้รับเข้าไป 

ยาที่ออกฤทธิ์กับแม่แค่สองสามชั่วโมง อาจจะสร้างปัญหาให้ลูกได้เป็นวันๆ ทำให้ไม่สามารถดูดนมได้ดีหรือบ่อยเท่าที่ควร ถ้าแม่ต้องตัดสินใจเรื่องการใช้ยาระหว่างคลอด ต้องนึกเสมอด้วยว่าอาจส่งผลกระทบตรงนี้ด้วย

 

ทันทีหลังคลอด ลูกคาดหวังว่าจะได้อยู่กับแม่ ได้ใช้เวลาสักพักข้างๆ แม่เพื่อให้ชินกับการหายใจ การมองเห็น และการได้ยิน ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับลูก 

จากนั้นลูกจะเริ่มนึกถึงอาหารมื้อแรก เชื่อไหมว่า ทารกแรกคลอดสามารถคืบคลานไปถึงอกแม่ ไซ้หาหัวนม และเริ่มดูดนมนานๆ ได้เองโดยไม่ต้องให้ใครช่วย แต่ถ้ามีใครมาแยกลูกไปจากแม่เพื่อทำความสะอาด ชั่งน้ำหนัก ก่อนจะมีโอกาสได้ดูดนมแม่ หรือถ้าลูกยังได้รับผลกระทบจากยาที่แม่ได้รับระหว่างการคลอด เขาก็อาจจะไม่มีโอกาสได้ทำตามสัญชาตญาณธรรมชาติแบบนี้ สิ่งที่ตามมาคือ ปฏิกริยาตอบสนองระหว่างแม่กับลูกก็จะแตกต่างออกไป เพราะส่วนมากแล้ว การให้นมแม่มักไม่มีปัญหา ไม่ว่ารูปแบบการคลอดจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่จะง่ายและดีที่สุดถ้าแม่และลูกได้อยู่ด้วยกันตลอดจนกว่าลูกจะได้ดูดนมครั้งแรก

 

หลังดูดนมแม่ครั้งแรก ลูกคาดหวังว่าเขาจะได้นอนนานๆ ข้างๆ แม่ หรือในอ้อมแขนของแม่ 

เพราะเขาคุ้นเคยกับเสียงหัวใจ เสียงลมหายใจ และไออุ่นจากร่างกายของแม่มาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา การให้ลูกได้อยู่กับแม่จึงช่วยให้ทารกมีอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจที่สม่ำเสมอขึ้น ลูกอาจจะอยากนอนนานกว่าที่เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลจะอยากให้นอน แม่ก็อาจจะต้องฝืนธรรมชาติสักนิดเพื่อกระตุ้นให้ลูกดูดนมแม่บ่อยๆ ในช่วงแรก แต่ไม่นานนักลูกก็จะสามารถตื่น ดูดนม และเลิกดูดเมื่อพอใจแล้วได้เอง เหมือนกับลูกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ นั่นเอง

 

เมื่อกลับมาบ้าน ลูกคาดหวังว่าจะได้อยู่ใกล้ชิดกับแม่มากที่สุด 

ลูกอ่อนของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดมีวิธีปกป้องตัวเองจากภัยอันตราย ทั้งความสามารถในการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว การพรางตัว หรือการอยู่รวมกันเป็นฝูง ลูกมนุษย์เองก็ใช้วิธีอยู่ใกล้ชิดกับแม่ ที่จะทำให้รู้สึกปลอดภัยและสงบมากที่สุด 

 

ลูกคาดหวังว่าเขาจะเป็นผู้กำหนดจังหวะการดูดนมของเขาเอง ลูกอาจจะดูดนมบ่อยเกินกว่าที่แม่คาดไว้ ดูดนมข้างหนึ่งจนเสร็จแล้วค่อยเริ่มดูดอีกข้าง หรือบางทีอาจจะไม่ต้องการดูดนมทั้งสองข้างในแต่ละมื้อ ลูกคาดหวังว่าแม่จะตอบสนองต่อเสียงของเขาอย่างรวดเร็ว และคาดหวังว่าจะไม่จำเป็นต้องร้องไห้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เขาต้องการ ลูกคาดหวังว่าจะได้อยู่ใกล้แม่ทั้งกลางวันและกลางคืน และอาจจะนอนหลับได้ดีกว่าถ้าแม่นอนอยู่ข้างๆ ลูกของคุณคาดหวังว่าจะได้อยู่ในอ้อมแขนของแม่ และแม่จะรับฟังสิ่งที่เขาสื่อสาร ไม่ใช่เชื่อตามนาฬิกาหรือหนังสือคู่มือการเลี้ยงลูกเพียงอย่างเดียว 

 

ถ้าแม่เข้าใจความคาดหวังตามธรรมชาิตเหล่านี้ของลูกแล้ว แม่ก็จะตอบสนองความต้องการของลูกได้ไม่ยาก และสิ่งที่จะได้รับกลับมาก็คือ เด็กทารกอารมณ์ดีคนหนึ่ง ซึ่งนั่นก็หมายถึงความสุขของทั้งแม่และลูกนั่นเอง


เรียบเรียงจาก WHAT YOUR BABY EXPECTS IN LIFE by Diane Wiessinger, MS, IBCLC แปลโดยแม่ต่าย

Visitors: 96,551